พื้นฐานสำคัญของการสร้างแบรนด์ความงามให้ปัง
Images/Blog/VjGeQjdx-ครีมกิโล (2).jpg
เขียนโดย ยังเกอร์ เมื่อ Sat 10 May, 2025
Like

การวิจัยตลาดครีมและการกำหนดกลุ่มเป้าหมาย: พื้นฐานสำคัญของการสร้างแบรนด์ความงามให้ปัง

ในอุตสาหกรรมความงามที่มีผู้เล่นจำนวนมากและการแข่งขันดุเดือด การวิจัยตลาดและการกำหนดกลุ่มเป้าหมาย (Target Market) คือกุญแจสำคัญที่ช่วยให้แบรนด์ใหม่สามารถ “แทรกตัว” และเติบโตในตลาดได้อย่างชาญฉลาด หากคุณกำลังวางแผนจะสร้างแบรนด์ครีมของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นครีมหน้าใส ครีมรักษาสิว ครีมบำรุงผิวกาย หรือแม้แต่สกินแคร์สูตรเฉพาะ การเข้าใจตลาดอย่างลึกซึ้งและรู้ว่า “ใครคือคนที่คุณจะขายให้” เป็นขั้นตอนที่มองข้ามไม่ได้เลย

1. ทำไมต้องวิจัยตลาด?

การวิจัยตลาดคือการ “สำรวจความต้องการของผู้บริโภค” เพื่อให้เรารู้ว่า:

  • ผู้บริโภคกำลังประสบปัญหาผิวแบบไหน?
  • พวกเขาใช้ผลิตภัณฑ์แบบใดอยู่?
  • แบรนด์ไหนที่เป็นคู่แข่ง? และเขาทำอะไรได้ดี/ไม่ดี?
  • ราคาที่กลุ่มเป้าหมายยอมรับได้คือเท่าไหร่?
  • ช่องทางการซื้อของเขาอยู่ที่ไหน?

การได้ข้อมูลเหล่านี้ ช่วยให้คุณสามารถพัฒนาผลิตภัณฑ์ได้ “ตรงใจ” มากกว่าการคาดเดาล้วนๆ

 

2. วิธีวิจัยตลาดเบื้องต้นสำหรับแบรนด์ครีม

2.1 สำรวจคู่แข่ง

เลือกดูแบรนด์ที่ขายครีมในกลุ่มใกล้เคียงกับสิ่งที่คุณอยากทำ:

  • เขามีจุดขาย (USP) อะไร?
  • เขาขายผ่านช่องทางไหน? Shopee, Facebook, ร้านค้า?
  • เขาตั้งราคากลางๆ เท่าไหร่?
  • รีวิวลูกค้าของเขาบ่นหรือชมเรื่องอะไร?

สิ่งเหล่านี้จะช่วยให้คุณเห็น “ช่องว่าง” ที่คุณสามารถเข้าไปเติมเต็มได้

2.2 ทำแบบสอบถาม (Survey)

คุณสามารถทำแบบสอบถามออนไลน์ง่ายๆ ผ่าน Google Form แล้วแชร์ในกลุ่มเป้าหมาย เช่น กลุ่ม Facebook หรือกลุ่มเพื่อนที่สนใจสกินแคร์

ตัวอย่างคำถามที่ควรถาม เช่น:

  • ปัญหาผิวที่คุณเผชิญบ่อยที่สุดคืออะไร?
  • ปกติซื้อครีมจากช่องทางไหน?
  • แบรนด์ครีมที่ใช้ประจำคืออะไร และเพราะเหตุใด?
  • ราคาเฉลี่ยที่ยอมจ่ายต่อกระปุก?

2.3 สัมภาษณ์เชิงลึก (In-depth Interview)

การพูดคุย 1:1 กับคนที่ตรงกับกลุ่มเป้าหมายของคุณจะให้ insight ที่ลึกมาก เช่น:

  • เขาเชื่อใจแบรนด์จากอะไร?
  • ปัจจัยที่ทำให้เขากลับมาซื้อซ้ำคืออะไร?
  • เขากังวลเรื่องส่วนผสม ความปลอดภัย หรือการเห็นผล?
 

3. การกำหนดกลุ่มเป้าหมาย (Target Market)

เมื่อได้ข้อมูลแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือ “การระบุว่าใครคือคนที่คุณจะโฟกัสขายให้”
เพราะคุณไม่สามารถขายให้ทุกคนได้ — แต่คุณสามารถขายให้ “คนที่ใช่” ได้สำเร็จ

วิธีการกำหนดกลุ่มเป้าหมายมี 4 มิติหลัก:

  1. ประชากรศาสตร์ (Demographic)
    เช่น เพศ, อายุ, รายได้, อาชีพ
    ตัวอย่าง: ผู้หญิงอายุ 25–35 ปี รายได้กลางถึงสูง ทำงานออฟฟิศ
  2. ภูมิศาสตร์ (Geographic)
    เช่น อาศัยในกรุงเทพฯ หรือต่างจังหวัด, เมืองใหญ่หรือชนบท
    ตัวอย่าง: กลุ่มที่อยู่ในเมืองใหญ่ มีพฤติกรรมซื้อของออนไลน์
  3. พฤติกรรม (Behavioral)
    เช่น พฤติกรรมการใช้ผลิตภัณฑ์, ความถี่ในการซื้อ, ความจงรักภักดีต่อแบรนด์
    ตัวอย่าง: ใช้ครีมเป็นประจำวันละ 2 ครั้ง ชอบทดลองของใหม่
  4. จิตวิทยา (Psychographic)
    เช่น ไลฟ์สไตล์, ค่านิยม, ทัศนคติ
    ตัวอย่าง: กลุ่มที่ใส่ใจสุขภาพ รักความเป็นธรรมชาติ มองหาสกินแคร์ออร์แกนิก

4. ตัวอย่างการกำหนดกลุ่มเป้าหมายจริง

สมมุติว่าคุณจะทำแบรนด์ครีมลดสิวจากสมุนไพรไทย

กลุ่มเป้าหมายของคุณอาจเป็น:

“ผู้หญิงวัยมหาวิทยาลัยถึงวัยทำงานตอนต้น อายุ 18–30 ปี ที่มีปัญหาสิวจากฮอร์โมนหรือมลภาวะในเมือง มีพฤติกรรมเลือกใช้ผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติ และชื่นชอบสินค้าไทยๆ ที่มีภาพลักษณ์สะอาด ปลอดภัย”

จากนั้นคุณจะสามารถออกแบบสินค้า การสื่อสาร และแผนการตลาดให้ตรงใจกลุ่มนี้ได้แบบแม่นยำมากขึ้น

5. ทำความเข้าใจ “เซกเมนต์” ในตลาดครีม

ตลาดครีมไม่ได้มีแค่ “ครีมหน้าใส” เท่านั้น ยังสามารถแยกย่อยได้อีกมาก เช่น:

  • ครีมบำรุงผิวสำหรับผิวแพ้ง่าย
  • ครีมไวท์เทนนิ่ง
  • ครีมลดเลือนริ้วรอย
  • ครีมลดสิว
  • ครีมกันแดดผสมบำรุง

คุณสามารถเลือกทำตลาด “เฉพาะทาง” เพื่อสร้างความแตกต่าง แทนที่จะลงสนามแข่งขันในตลาดใหญ่ที่แน่นหนา

 

สรุป: วิจัยให้ดี กำหนดให้แม่น ยิงให้ตรง!

หากคุณต้องการให้แบรนด์ครีมของคุณเติบโตอย่างยั่งยืน อย่าข้ามขั้นตอนของการวิจัยตลาดและการกำหนดกลุ่มเป้าหมาย เพราะสิ่งนี้จะช่วยให้คุณ:

✅ พัฒนาสินค้าได้ตรงจุด
✅ สื่อสารกับลูกค้าได้เข้าใจ
✅ ใช้เงินทำการตลาดได้อย่างคุ้มค่า
✅ และสร้างความสัมพันธ์ระยะยาวกับกลุ่มเป้าหมายได้อย่างแข็งแรง

แบรนด์ที่ประสบความสำเร็จ ไม่ใช่แบรนด์ที่ขายเก่งที่สุด — แต่คือแบรนด์ที่ “เข้าใจลูกค้ามากที่สุด”

 

 

ความคิดเห็น (0)
ก่อนหน้า 1 ถัดไป
ร้านค้าออนไลน์ และ ขายของออนไลน์ โดย © 2006-2025 Vevo Systems Co., Ltd.