การวิจัยตลาดครีมและการกำหนดกลุ่มเป้าหมาย: พื้นฐานสำคัญของการสร้างแบรนด์ความงามให้ปัง
ในอุตสาหกรรมความงามที่มีผู้เล่นจำนวนมากและการแข่งขันดุเดือด การวิจัยตลาดและการกำหนดกลุ่มเป้าหมาย (Target Market) คือกุญแจสำคัญที่ช่วยให้แบรนด์ใหม่สามารถ “แทรกตัว” และเติบโตในตลาดได้อย่างชาญฉลาด หากคุณกำลังวางแผนจะสร้างแบรนด์ครีมของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นครีมหน้าใส ครีมรักษาสิว ครีมบำรุงผิวกาย หรือแม้แต่สกินแคร์สูตรเฉพาะ การเข้าใจตลาดอย่างลึกซึ้งและรู้ว่า “ใครคือคนที่คุณจะขายให้” เป็นขั้นตอนที่มองข้ามไม่ได้เลย
1. ทำไมต้องวิจัยตลาด?
การวิจัยตลาดคือการ “สำรวจความต้องการของผู้บริโภค” เพื่อให้เรารู้ว่า:
- ผู้บริโภคกำลังประสบปัญหาผิวแบบไหน?
- พวกเขาใช้ผลิตภัณฑ์แบบใดอยู่?
- แบรนด์ไหนที่เป็นคู่แข่ง? และเขาทำอะไรได้ดี/ไม่ดี?
- ราคาที่กลุ่มเป้าหมายยอมรับได้คือเท่าไหร่?
- ช่องทางการซื้อของเขาอยู่ที่ไหน?
การได้ข้อมูลเหล่านี้ ช่วยให้คุณสามารถพัฒนาผลิตภัณฑ์ได้ “ตรงใจ” มากกว่าการคาดเดาล้วนๆ
2. วิธีวิจัยตลาดเบื้องต้นสำหรับแบรนด์ครีม
2.1 สำรวจคู่แข่ง
เลือกดูแบรนด์ที่ขายครีมในกลุ่มใกล้เคียงกับสิ่งที่คุณอยากทำ:
- เขามีจุดขาย (USP) อะไร?
- เขาขายผ่านช่องทางไหน? Shopee, Facebook, ร้านค้า?
- เขาตั้งราคากลางๆ เท่าไหร่?
- รีวิวลูกค้าของเขาบ่นหรือชมเรื่องอะไร?
สิ่งเหล่านี้จะช่วยให้คุณเห็น “ช่องว่าง” ที่คุณสามารถเข้าไปเติมเต็มได้
2.2 ทำแบบสอบถาม (Survey)
คุณสามารถทำแบบสอบถามออนไลน์ง่ายๆ ผ่าน Google Form แล้วแชร์ในกลุ่มเป้าหมาย เช่น กลุ่ม Facebook หรือกลุ่มเพื่อนที่สนใจสกินแคร์
ตัวอย่างคำถามที่ควรถาม เช่น:
- ปัญหาผิวที่คุณเผชิญบ่อยที่สุดคืออะไร?
- ปกติซื้อครีมจากช่องทางไหน?
- แบรนด์ครีมที่ใช้ประจำคืออะไร และเพราะเหตุใด?
- ราคาเฉลี่ยที่ยอมจ่ายต่อกระปุก?
2.3 สัมภาษณ์เชิงลึก (In-depth Interview)
การพูดคุย 1:1 กับคนที่ตรงกับกลุ่มเป้าหมายของคุณจะให้ insight ที่ลึกมาก เช่น:
- เขาเชื่อใจแบรนด์จากอะไร?
- ปัจจัยที่ทำให้เขากลับมาซื้อซ้ำคืออะไร?
- เขากังวลเรื่องส่วนผสม ความปลอดภัย หรือการเห็นผล?
3. การกำหนดกลุ่มเป้าหมาย (Target Market)
เมื่อได้ข้อมูลแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือ “การระบุว่าใครคือคนที่คุณจะโฟกัสขายให้”
เพราะคุณไม่สามารถขายให้ทุกคนได้ — แต่คุณสามารถขายให้ “คนที่ใช่” ได้สำเร็จ
วิธีการกำหนดกลุ่มเป้าหมายมี 4 มิติหลัก:
- ประชากรศาสตร์ (Demographic)
เช่น เพศ, อายุ, รายได้, อาชีพ
ตัวอย่าง: ผู้หญิงอายุ 25–35 ปี รายได้กลางถึงสูง ทำงานออฟฟิศ
- ภูมิศาสตร์ (Geographic)
เช่น อาศัยในกรุงเทพฯ หรือต่างจังหวัด, เมืองใหญ่หรือชนบท
ตัวอย่าง: กลุ่มที่อยู่ในเมืองใหญ่ มีพฤติกรรมซื้อของออนไลน์
- พฤติกรรม (Behavioral)
เช่น พฤติกรรมการใช้ผลิตภัณฑ์, ความถี่ในการซื้อ, ความจงรักภักดีต่อแบรนด์
ตัวอย่าง: ใช้ครีมเป็นประจำวันละ 2 ครั้ง ชอบทดลองของใหม่
- จิตวิทยา (Psychographic)
เช่น ไลฟ์สไตล์, ค่านิยม, ทัศนคติ
ตัวอย่าง: กลุ่มที่ใส่ใจสุขภาพ รักความเป็นธรรมชาติ มองหาสกินแคร์ออร์แกนิก
4. ตัวอย่างการกำหนดกลุ่มเป้าหมายจริง
สมมุติว่าคุณจะทำแบรนด์ครีมลดสิวจากสมุนไพรไทย
กลุ่มเป้าหมายของคุณอาจเป็น:
“ผู้หญิงวัยมหาวิทยาลัยถึงวัยทำงานตอนต้น อายุ 18–30 ปี ที่มีปัญหาสิวจากฮอร์โมนหรือมลภาวะในเมือง มีพฤติกรรมเลือกใช้ผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติ และชื่นชอบสินค้าไทยๆ ที่มีภาพลักษณ์สะอาด ปลอดภัย”
จากนั้นคุณจะสามารถออกแบบสินค้า การสื่อสาร และแผนการตลาดให้ตรงใจกลุ่มนี้ได้แบบแม่นยำมากขึ้น
5. ทำความเข้าใจ “เซกเมนต์” ในตลาดครีม
ตลาดครีมไม่ได้มีแค่ “ครีมหน้าใส” เท่านั้น ยังสามารถแยกย่อยได้อีกมาก เช่น:
- ครีมบำรุงผิวสำหรับผิวแพ้ง่าย
- ครีมไวท์เทนนิ่ง
- ครีมลดเลือนริ้วรอย
- ครีมลดสิว
- ครีมกันแดดผสมบำรุง
คุณสามารถเลือกทำตลาด “เฉพาะทาง” เพื่อสร้างความแตกต่าง แทนที่จะลงสนามแข่งขันในตลาดใหญ่ที่แน่นหนา
สรุป: วิจัยให้ดี กำหนดให้แม่น ยิงให้ตรง!
หากคุณต้องการให้แบรนด์ครีมของคุณเติบโตอย่างยั่งยืน อย่าข้ามขั้นตอนของการวิจัยตลาดและการกำหนดกลุ่มเป้าหมาย เพราะสิ่งนี้จะช่วยให้คุณ:
✅ พัฒนาสินค้าได้ตรงจุด
✅ สื่อสารกับลูกค้าได้เข้าใจ
✅ ใช้เงินทำการตลาดได้อย่างคุ้มค่า
✅ และสร้างความสัมพันธ์ระยะยาวกับกลุ่มเป้าหมายได้อย่างแข็งแรง
แบรนด์ที่ประสบความสำเร็จ ไม่ใช่แบรนด์ที่ขายเก่งที่สุด — แต่คือแบรนด์ที่ “เข้าใจลูกค้ามากที่สุด”